ในสายการผลิตยาแบบอัดเม็ด เคยไหมที่อยู่ดีๆ เครื่องที่เคยวิ่งลื่น กลับเริ่ม “แผ่ว” แบบหาสาเหตุไม่เจอ ทั้งที่สูตรเดิม วัตถุดิบเดิม ทีมงานก็ยังเหมือนเดิมทุกอย่าง แล้วทำไม Output ถึงลดลงเรื่อยๆ?

หลายคนอาจจะโทษสูตรยาไว้ก่อน แต่ความจริงแล้ว ปัญหานี้มักซ่อนอยู่ในตัวเครื่องจักรเอง โดยเฉพาะเมื่อเครื่องถูกใช้งานมาหลายปีโดยไม่ได้มีการตรวจสอบเชิงลึก

วันนี้เราจะพาคุณไล่ดูสัญญาณสำคัญที่บอกว่า “ถึงเวลาตรวจเช็กเครื่องแล้วหรือยัง” พร้อมแนวทางวิเคราะห์ปัญหาแบบไม่ต้องหยุดไลน์ และแนะวิธีวางแผนอัปเกรดเครื่องแบบคุ้มค่า

สัญญาณที่บอกว่าเครื่องเริ่มเสื่อม

  • เม็ดยาไม่แน่น แตกง่าย หรือขนาดไม่สม่ำเสมอ
    ถ้าเคยเจอเม็ดยาที่แข็งบ้าง ร่วนบ้าง ทั้งที่ตั้งค่าเหมือนเดิมเป๊ะ นั่นอาจเพราะแรงอัดจากเครื่องเริ่มตก ไม่ว่าจะมาจาก Punch ที่เริ่มสึก ระบบส่งแรงที่ไม่แม่น หรือแม้แต่ Turret ที่คลอนเล็กน้อย ก็ส่งผลได้มากกว่าที่คิด
  • มีเสียงหรือแรงสั่นแปลกๆ เวลาเครื่องทำงานเร็ว
    เครื่องที่มีเสียงดังหรือสั่นผิดปกติ โดยเฉพาะตอนวิ่งเร็ว อาจกำลังบอกเราว่าบางจุดกำลังสึก เช่น Bearing, Shaft หรือระบบเฟืองหมุนภายใน
  • แรงอัดเริ่มไม่นิ่ง (Inconsistent Force)
    ถ้าใช้เครื่องรุ่นใหม่ที่มีระบบวัดแรงอัด เช่น PZ-1500 พร้อม FIT Software จะสามารถดูค่าพวกนี้ได้แบบเรียลไทม์PZ-1500 แต่ถ้าใช้เครื่องรุ่นเก่า เราอาจสังเกตจาก Output ที่ลดลงหรือเม็ดยาไม่เสถียร
  • Downtime ถี่ขึ้นโดยไม่มีเหตุผลชัดเจน
    เคยไหม… ที่เครื่องหยุดเพราะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่น Sensor Error, Lubrication เตือน หรือระบบหยุดเองบ่อยขึ้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีปัญหาแบบนี้เลย

Output ลด ไม่ได้แปลว่าสูตรไม่ดีเสมอไป

มีหลายปัจจัยในตัวเครื่องที่ส่งผลต่ออัตราการผลิต เช่น:

  • Punch & Die สึกหรอ
    เมื่อลับจนไม่คม หรือลึกไม่พอ เม็ดยาจะไม่แน่นหรือขนาดไม่ตรง
  • ผงไหลไม่สม่ำเสมอ
    ถ้า Feeder มีปัญหา ผงอาจไหลไม่สม่ำเสมอ ทำให้แต่ละรอบอัดเม็ดได้ไม่เท่ากัน
  • แรงอัดไม่เหมาะสม
    แรงอัดที่มากเกินไป อาจทำให้เครื่องพังเร็ว แรงอัดน้อยเกินไป เม็ดยาก็ไม่แข็ง
  • Turret หลวม / ไม่แม่นยำ
    ความคลาดเคลื่อนระดับเสี้ยวมิลลิเมตร ก็ทำให้จังหวะอัดเม็ดเพี้ยน และเครื่องทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ

จะเช็กเครื่องแบบไม่หยุดไลน์ได้ยังไง?

หลายโรงงานหยุดไลน์ไม่ได้ แต่ก็ไม่อยากปล่อยให้เครื่องเสื่อมโดยไม่รู้ตัว วิธีง่ายๆ ที่ใช้ได้จริงมีดังนี้:

  • ดูค่าจากหน้าจอ HMI
    ถ้าเครื่องมี HMI ที่แสดงค่าการทำงานแบบ Real-Time เช่น PZ-1500 รุ่นใหม่ ก็จะเห็นข้อมูลชัดเจนทั้งแรงอัด ความเร็ว และตำแหน่ง PunchPZ-1500
  • ใช้ระบบ FIT Software
    ช่วยเก็บข้อมูลแรงอัด แรงดึงออก (Ejection) หรือการสั่นของ Punch เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มความเสื่อม
  • ติด Sensor ตรวจเสียงหรือแรงสั่น
    ใช้เป็น Early Warning ได้ดี ว่าส่วนไหนเริ่มสึกก่อนจะพังจริง
  • วางระบบ Maintenance เชิงคาดการณ์ (Predictive Maintenance)
    ดูประวัติการซ่อม, จำนวนรอบการผลิต, หรือแนวโน้มแรงอัด เพื่อตัดสินใจว่าเมื่อไรควรเปลี่ยนชิ้นส่วน

ถึงเวลาคิดเรื่องอัปเกรดหรือยัง?

ลองถามตัวเองด้วยคำถามเหล่านี้:

  • เครื่องอายุเกิน 10 ปีหรือเปล่า?
  • หาซื้ออะไหล่หรือคนซ่อมได้ยากขึ้นไหม?
  • ต้องใช้แรงงานคนมากกว่าปกติในการปรับแต่งหรือแก้ปัญหา?
  • ค่าบำรุงรักษาต่อปีสูงเกิน 30% ของมูลค่าเครื่อง?

ถ้าคำตอบคือ “ใช่” มากกว่า 2 ข้อ อาจถึงเวลาที่ควรมองหาเครื่องรุ่นใหม่ เช่น PZ-1500 ซึ่งให้ Output สูงสุดถึง 198,000 เม็ดต่อชั่วโมง, มีระบบวัดแรงอัดแม่นยำ และสามารถเปลี่ยน Turret ได้ง่ายด้วยมือเดียวPZ-1500

บทสรุป: ปรับก่อนเสีย ปลอดภัยกว่าในระยะยาว

หลายโรงงานยังมอง Output ที่ลดลงเป็นเพียง “ความแปรปรวนชั่วคราว” ทั้งที่ในความเป็นจริง นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้าจากเครื่องจักรที่คุณใช้อยู่ทุกวัน

การที่เม็ดยาเริ่มไม่แน่น การอัดเริ่มไม่เสถียร หรือมีเสียงผิดปกติระหว่างการผลิต ล้วนสะท้อนว่าเครื่องอาจเข้าสู่ “ช่วงปลายอายุการใช้งาน” แล้ว การเข้าใจสาเหตุเชิงเทคนิค และใช้เครื่องมือช่วยวิเคราะห์แบบไม่ต้องหยุดไลน์ผลิต จะช่วยให้คุณ:

  • ประเมินสภาพเครื่องได้อย่างแม่นยำ
  • วางแผนซ่อมหรืออัปเกรดได้อย่างคุ้มค่า
  • ลดความเสี่ยงของ Downtime และความเสียหายต่อสินค้า
  • เพิ่มความมั่นใจให้กับคุณภาพการผลิตและมาตรฐาน GMP

อย่ารอให้ “เครื่องหยุด” ถึงค่อยวางแผน
เพราะการตัดสินใจที่เร็วกว่า… คือการป้องกันความสูญเสียที่ดีกว่าเสมอ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *