
ในโลกของการผลิตยา หนึ่งในเครื่องจักรที่ถูกใช้งานต่อเนื่องมากที่สุดคือ เครื่องอัดเม็ด (Tablet Press)
หลายโรงงานใช้เครื่องตัวเดิมมาตั้งแต่เริ่มไลน์ผลิต และแม้จะยัง “ใช้งานได้” แต่ก็เริ่มเห็นปัญหาว่า…มันอาจไม่ “ทัน” ความต้องการอีกต่อไป
คุณอาจเคยชินกับมันจนมองไม่ออกว่า จริงๆ แล้วมันกลายเป็นคอขวดของทั้งไลน์ผลิตไปแล้วหรือเปล่า?
มาลองสำรวจ 5 ปัญหาคลาสสิกที่เจอจากเครื่อง Tablet Press รุ่นเก่ากันดีกว่า
แล้วดูว่า…ถ้าไม่อยากให้มันเป็นตัวถ่วงของโรงงาน ควรทำอย่างไร
1. ผลิตไม่ทัน เป้าส่งของเริ่มกระทบ

เครื่องรุ่นเก่า มักถูกออกแบบมาให้ทำงานที่ปริมาณน้อยกว่าสมัยนี้เยอะ
เมื่อความต้องการผลิตเพิ่มขึ้น แต่เครื่องยังคงความเร็วเดิม เช่น ได้แค่ 60,000–80,000 เม็ด/ชั่วโมง
สิ่งที่ตามมาคือ:
- ต้องแบ่งรันหลายรอบ
- ใช้คนเยอะขึ้น
- ใช้ไฟ ใช้แรงงาน ใช้เวลามากขึ้น แต่ได้ Output เท่าเดิม
ในขณะที่เครื่องรุ่นใหม่อย่าง PZ-1500 จาก B&D Italia รองรับการผลิตสูงสุดถึง 198,000 เม็ด/ชั่วโมงPZ-1500
แค่ความเร็วต่างกันนี้ ก็อาจหมายถึงการส่งของได้เร็วกว่า 2 เท่า และต้นทุนต่อหน่วยที่ลดลงไปอีกเยอะ
2. ไม่มีระบบ Audit Trail ตรวจสอบย้อนกลับไม่ได้

ใครเคยโดน Audit จาก อย. หรือหน่วยงานต่างประเทศคงรู้ดีว่า
เรื่องข้อมูลการผลิต “ย้อนหลัง” นั้นสำคัญแค่ไหน
แต่เครื่อง Tablet Press รุ่นเก่ามักไม่มีระบบ Audit Trail
ทำให้ตอบไม่ได้ว่าใครเป็นคนเปลี่ยนค่าเมื่อไหร่ หรือมีใครมาแก้สูตรอะไรกลางดึกหรือเปล่า
เครื่องรุ่นใหม่จะมีระบบที่เก็บข้อมูลทุกการเปลี่ยนแปลงไว้แบบละเอียด เช่น
- ชื่อผู้ใช้งาน
- เวลาเปลี่ยนพารามิเตอร์
- ค่าเก่าค่าใหม่
- บันทึกไว้ในรูปแบบที่แก้ไขย้อนหลังไม่ได้
อย่าง ControlPress HMI ของ PZ-1500 ก็มีฟีเจอร์นี้ครบ รองรับทั้ง GMP และ 21 CFR Part 11PZ-1500
3. เม็ดยาไม่สม่ำเสมอ QC ไม่ผ่าน เสียของแบบไม่รู้ตัว

เคยเจอไหม… เม็ดยาที่ผลิตออกมา
- บางเม็ดแข็งมาก
- บางเม็ดร่วน
- บางเม็ดน้ำหนักไม่ถึงเกณฑ์
ทั้งที่ตั้งค่าแรงอัดไว้เท่าเดิม แต่ผลลัพธ์กลับแปรปรวนไม่คงที่
นี่เป็นอาการที่พบได้บ่อยมากในเครื่องที่ผ่านการใช้งานมานาน
สาเหตุอาจเป็นเพราะ:
- ระบบส่งแรงเริ่มหลวม
- ไม่มีตัวช่วยวัดแรงอัดจริงแบบเรียลไทม์
- Turret หรือ Punch & Die เริ่มสึกโดยไม่รู้ตัว
แต่ถ้าเครื่องมีระบบ วัดแรงอัด, Pre-compression และ Ejection Force แบบ Real-Time ก็จะรู้ได้ทันทีว่าเริ่มมีปัญหาตรงไหน
เช่น FIT Software ที่ติดมากับ PZ-1500 สามารถเก็บและแสดงค่าต่างๆ แบบกราฟเห็นชัดๆ ว่าแรงอัดเริ่มตกเมื่อไหร่PZ-1500
4. เปลี่ยนขนาดยา = ต้องหยุดไลน์ครึ่งวัน

อีกหนึ่งเรื่องที่หลายโรงงานยังยอมรับกันเงียบๆ คือ
เปลี่ยน Turret หรือ Die Set แต่ละที ต้องหยุดเครื่องนานเป็นครึ่งวัน
เพราะเครื่องรุ่นเก่าไม่ได้ออกแบบมาให้ “ถอดง่าย ใส่เร็ว”
บางโรงงานต้องใช้:
- เครื่องมือพิเศษ
- ทีมงานหลายคน
- เวลานานกว่าจะเปลี่ยน Turret เสร็จ
แต่เครื่องรุ่นใหม่มีระบบช่วยยก Turret ในตัว
เช่น PZ-1500 มี “ระบบยก Turret แยกจากตัวเครื่อง”
ทำให้คนเดียวก็ถอดออกได้ ไม่ต้องใช้เครน ไม่ต้องมีทีมช่างเต็มทีมPZ-1500
เวลาในการเปลี่ยนก็ลดจาก ครึ่งวันเหลือแค่ไม่กี่นาที
และยิ่งถ้าคุณต้องเปลี่ยนสูตรหรือขนาดเม็ดบ่อย การเปลี่ยนง่ายจะช่วยลด Downtime ไปได้เยอะมาก
5. ไม่มีข้อมูลพอให้วางแผนล่วงหน้า

โรงงานยุคใหม่ต้องคิดแบบ “ป้องกันก่อนพัง” (Predictive Maintenance)
แต่เครื่องรุ่นเก่าไม่มีข้อมูลให้วิเคราะห์เลย
- ไม่รู้ว่าแรงอัดตกลงทีละน้อยตั้งแต่เมื่อไหร่
- ไม่รู้ว่า Turret หมุนเอียงเล็กน้อยหรือยัง
- ไม่รู้ว่าเวลาไหนของวันเครื่องเริ่มแสดงอาการผิดปกติ
ถ้ามีระบบเซ็นเซอร์ที่เก็บข้อมูลพฤติกรรมของเครื่องได้ตลอดเวลา เราก็จะรู้ว่าควรซ่อมเมื่อไหร่
ก่อนที่จะต้องหยุดผลิตเพราะเครื่องพังจริง
บทสรุป: อัปเกรดเครื่องอัดเม็ดวันนี้ ไม่ใช่เพราะอยาก “ใหม่” แต่เพราะอยาก “ไหลลื่น”
หลายโรงงานยังคิดว่า
“เครื่องเก่าก็ยังใช้ได้ อย่าเพิ่งเปลี่ยนเลย”
แต่ในวันที่การผลิตต้องแม่น ต้องเร็ว ต้องมีข้อมูล และต้องแข่งขันกับต้นทุน
การใช้เครื่องที่ “ยังใช้ได้” แต่เริ่มกลายเป็นคอขวด อาจเป็นความเสี่ยงที่สูงกว่าค่าลงทุนเปลี่ยนเครื่องใหม่เสียอีก
เครื่อง Tablet Press รุ่นใหม่อย่าง PZ-1500 ไม่ได้มาแค่เรื่องความเร็ว
แต่มาพร้อมกับ:
- ระบบวิเคราะห์แรงอัด
- Audit Trail ที่ผ่านมาตรฐาน
- ระบบเปลี่ยน Turret ที่สะดวก
- การออกแบบที่ลดของเสียและ Downtime ได้จริง
การอัปเกรด Tablet Press ไม่ใช่เรื่องฟุ่มเฟือย
แต่มันคือการลงทุนเพื่อควบคุมคุณภาพ ลดของเสีย และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันระยะยาว
หากคุณกำลังประเมินไลน์ผลิต และสงสัยว่า “เครื่องอัดเม็ดของเราคือจุดอ่อนอยู่หรือเปล่า?”
เรายินดีช่วยวิเคราะห์และให้คำปรึกษาอย่างตรงไปตรงมา
Leave a Reply